สอนทำ API ง่าย ๆ ด้วย Node.js Express MongoDB

Node.js

เริ่มสร้างโปรเจกต์

เปิดโปรเจกต์ในไดเรกทอรีที่คุณต้องการสร้าง API หรือแอปพลิเคชัน Node.js ใหม่ในโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ

เปิดหน้าโฟลเดอร์โปรเจกต์ในหน้าเทอมินอล (Terminal) หรือ Command Promptใช้คำสั่ง npm init โดยไม่ต้องใส่พารามิเตอร์เพิ่มเติม

npm init

เมื่อคุณใช้คำสั่ง npm init แล้ว โปรเจกต์จะขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณ เช่น

  • name: ชื่อของโปรเจกต์ (ควรเป็นชื่อที่อธิบายโปรเจกต์ของคุณ)
  • version: เวอร์ชันของโปรเจกต์ (เริ่มต้นเป็น 1.0.0 และคุณสามารถแก้ไขได้)
  • description: คำอธิบายโปรเจกต์ (ควรอธิบายโปรเจกต์ของคุณให้ชัดเจน)
  • entry point: ไฟล์หลักที่จะถูกโหลดเมื่อเริ่มต้นโปรเจกต์ (ส่วนมากคือ index.js)
  • test command: คำสั่งที่ใช้ในการรันการทดสอบ (ถ้ามี)
  • git repository: URL ของ Git repository ของโปรเจกต์ (ถ้ามี)
  • keywords: คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์
  • author: ชื่อผู้สร้างหรือทีมที่พัฒนาโปรเจกต์
  • license: สัญญาอนุญาตสำหรับโปรเจกต์ (เช่น MIT, Apache-2.0, GPL-3.0, หรือสัญญาอนุญาตอื่น ๆ)

หลังจากที่คุณกรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อย คำสั่ง npm init จะสร้างไฟล์ package.json ในโฟลเดอร์โปรเจกต์ของคุณ โดยใช้ข้อมูลที่คุณได้ระบุ

เมื่อได้ package.json แล้ว คุณสามารถเพิ่ม dependencies และ scripts สำหรับโปรเจกต์ของคุณในไฟล์ package.json และใช้คำสั่ง npm install เพื่อติดตั้ง dependencies

ติดตั้ง Dependencies

เริ่มต้นด้วยการติดตั้ง dependencies ที่จำเป็นโดยใช้ npm หรือ yarn

npm install express mongoose body-parser cors

หรือ

yarn add express mongoose body-parser cors

สร้างไฟล์ db.js

ไฟล์ db.js นี้ เราใช้ Mongoose เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MongoDB ผ่าน URL mongodb://localhost:27017/blog ซึ่งเป็น URL ของฐานข้อมูล MongoDB บนเครื่อง localhost และชื่อฐานข้อมูลคือ blog

ฟังก์ชันconnectToDatabase ใช้เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MongoDB และคืนค่าเป็น connection object ของ Mongoose โดยใช้ await mongoose.connect() ฟังก์ชัน closeDatabaseConnection ใช้เพื่อยกเลิกการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเมื่อไม่ต้องการ โดยใช้ await mongoose.disconnect()

db.js
const mongoose = require("mongoose");
 
async function connectToDatabase() {
  try {
    await mongoose.connect("mongodb://localhost:27017/blog", {
      useNewUrlParser: true,
      useUnifiedTopology: true,
    });
 
    return mongoose.connection;
  } catch (error) {
    throw error;
  }
}
 
async function closeDatabaseConnection() {
  try {
    await mongoose.disconnect();
  } catch (error) {
    throw error;
  }
}
 
module.exports = {
  connectToDatabase,
  closeDatabaseConnection,
};

สร้างไฟล์ student.js

ไฟล์ student.js เรากำหนด Schema ของข้อมูลนักศึกษา (student) โดยใช้ Mongoose. Schema ประกอบด้วยฟิลด์ต่าง ๆ ของข้อมูลนักศึกษา เช่น studentID, firstName, และ lastName

  • studentID เป็นชนิด String และจำเป็นต้องมี (required) และเป็น unique คือไม่สามารถซ้ำกันได้
  • firstName เป็นชนิด String ซึ่งระบุชื่อจริงของนักศึกษา
  • lastName เป็นชนิด String ซึ่งระบุนามสกุลของนักศึกษา

นอกจากนี้ เราใช้ module.exports เพื่อส่งออกโมเดลของข้อมูลนักศึกษา เพื่อให้ไฟล์อื่น ๆ ในโปรเจคสามารถนำไปใช้งานได้ด้วยการ require ในกรณีนี้โมเดลของนักศึกษาถูกตั้งชื่อว่า "Student" และใช้ Schema ที่กำหนดไว้

student.js
const mongoose = require("mongoose");
 
const studentSchema = new mongoose.Schema({
  studentID: {
    type: String,
    required: true,
    unique: true,
  },
  firstName: String,
  lastName: String,
});
 
module.exports = mongoose.model("Student", studentSchema);

สร้างไฟล์ index.js

index.js
const express = require("express");
const bodyParser = require("body-parser");
const { connectToDatabase, closeDatabaseConnection } = require("./db");
const Student = require("./student");
const cors = require("cors");
 
const app = express();
const port = 3000;

เริ่มต้นด้วยการ import แพ็กเกจที่จำเป็นเพื่อสร้างและกำหนดค่าแอปพลิเคชัน Express

  • express เป็นแพ็กเกจ Express.js ที่ใช้ในการสร้างและกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ HTTP
  • body-parser เป็น middleware ที่ช่วยในการแปลงข้อมูลที่ส่งผ่าน HTTP request body เช่น JSON ให้อยู่ในรูปแบบ JavaScript objects
  • connectToDatabase และ closeDatabaseConnection เป็นฟังก์ชันที่เราสร้างในไฟล์ db.js เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MongoDB และยกเลิกการเชื่อมต่อ
  • Student เป็นโมเดลของข้อมูลนักศึกษาที่เราสร้างในไฟล์ student.js เพื่อใช้ในการเข้าถึงข้อมูลนักศึกษาในฐานข้อมูล MongoDB
  • cors เป็น middleware ที่ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถรับข้อมูลจาก domain อื่น (Cross-Origin Resource Sharing) โดยที่ไม่เกิดข้อผิดพลาดตามนโยบาย Same-Origin Policy
index.js
// Middleware
app.use(cors());
 
// Connect to the database
connectToDatabase()
  .then(() => {
    console.log("Connected to the database");
    app.listen(port, () => {
      console.log(`Server is running on http://localhost:${port}/student`);
    });
  })
  .catch((error) => {
    console.error("Error connecting to the database", error);
  });
  • app.use(cors()) ใช้ middleware cors เพื่อเปิดให้แอปพลิเคชันของคุณสามารถรับข้อมูลจาก domain อื่นได้ โดยไม่มีข้อผิดพลาดตามนโยบาย Same-Origin Policy
  • connectToDatabase() เป็นการเรียกใช้ฟังก์ชัน connectToDatabase ที่เราสร้างในไฟล์ db.js เพื่อเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล MongoDB เมื่อการเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว แอปพลิเคชันจะเริ่มทำงานและเริ่มตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ Express ที่ port 3000
index.js
app.use(bodyParser.json());

API endpoint คุณจะต้องเพิ่มโค้ดเพื่อทำงานกับฐานข้อมูล MongoDB

เพิ่มนักศึกษาใหม่

index.js
app.post("/student", async (req, res) => {
  try {
    const { studentID, firstName, lastName } = req.body;
 
    // ตรวจสอบว่ามีข้อมูลที่จำเป็นหรือไม่
    if (!studentID || !firstName || !lastName) {
      return res.status(400).json({ error: "Missing required fields" });
    }
 
    // ตรวจสอบว่า studentID ซ้ำหรือไม่
    const existingStudentID = await Student.findOne({ studentID });
    if (existingStudentID) {
      return res
        .status(409)
        .json({ error: "Student with the same 'studentID' already exists" });
    }
 
    // สร้างนักศึกษาใหม่
    const newStudent = new Student(req.body);
    await newStudent.save();
    res.json(newStudent);
  } catch (error) {
    handleServerError(res, error);
  }
});

Endpoint: POST /student

  • สร้างข้อมูลนักศึกษาใหม่ในฐานข้อมูล โดยรับข้อมูลจาก HTTP request body
  • ถ้าข้อมูลถูกส่งมาถูกต้อง และ studentID ไม่ซ้ำกัน แอปพลิเคชันจะสร้างนักศึกษาใหม่และคืนข้อมูลนักศึกษาที่ถูกสร้าง
  • ส่ง HTTP POST request ไปยัง /student พร้อมกับข้อมูลนักศึกษาในรูปแบบ JSON ที่ระบุ studentID, firstName, และ lastName ของนักศึกษา
{
  "studentID": "รหัสนักศึกษา",
  "firstName": "ชื่อ",
  "lastName": "นามสกุล"
}

อ่านข้อมูลนักศึกษาทั้งหมด

index.js
app.get("/student", async (req, res) => {
  try {
    const students = await Student.find();
    res.json(students);
  } catch (error) {
    handleServerError(res, error);
  }
});

Endpoint: GET /student

  • อ่านข้อมูลนักศึกษาทั้งหมดจากฐานข้อมูลและคืนข้อมูลนักศึกษาทั้งหมดในรูปแบบ JSON
  • ส่ง HTTP GET request ไปยัง /student เพื่อดึงข้อมูลนักศึกษาทั้งหมด

อ่านข้อมูลนักศึกษาจาก ID

index.js
app.get("/student/:id", async (req, res) => {
  try {
    const { id } = req.params;
    const student = await Student.findById(id);
    
    if (!student) {
      return res.status(404).json({ error: "Student not found" });
    }
 
    res.json(student);
  } catch (error) {
    handleServerError(res, error);
  }
});

Endpoint: GET /student/:id

  • อ่านข้อมูลนักศึกษาจาก ID ที่ระบุใน URL และคืนข้อมูลนักศึกษานั้นในรูปแบบ JSON
  • ส่ง HTTP GET request ไปยัง /student/:id โดยแทน :id ด้วย ID ของนักศึกษาที่ต้องการอ่าน
  • ถ้านักศึกษาที่มี ID ที่ระบุถูกพบ แอปพลิเคชันจะคืนข้อมูลของนักศึกษานั้น

อัปเดตข้อมูลนักศึกษาจาก ID

index.js
app.put("/student/:id", async (req, res) => {
  try {
    const { id } = req.params;
    const { studentID, firstName, lastName } = req.body;
 
    // Check if any required fields are missing
    if (!studentID || !firstName || !lastName) {
      return res.status(400).json({ error: "Missing required fields" });
    }
 
    const student = await Student.findById(id);
 
    if (!student) {
      return res.status(404).json({ error: "Student not found" });
    }
 
    // Update the student's information
    student.studentID = req.body.studentID;
    student.firstName = req.body.firstName;
    student.lastName = req.body.lastName;
 
    await student.save();
 
    res.json(student);
  } catch (error) {
    handleServerError(res, error);
  }
});

Endpoint: PUT /student/:id

  • อัปเดตข้อมูลนักศึกษาโดยใช้ ID ที่ระบุใน URL และรับข้อมูลที่ต้องการอัปเดตจาก HTTP request body
  • ส่ง HTTP PUT request ไปยัง /student/:id โดยแทน :id ด้วย ID ของนักศึกษาที่ต้องการอัปเดต
  • ใน request body ระบุข้อมูลที่ต้องการอัปเดต เช่น studentID, firstName, และ lastName
  • ถ้าข้อมูลถูกส่งมาถูกต้อง แอปพลิเคชันจะอัปเดตข้อมูลนักศึกษาและคืนข้อมูลนักศึกษาที่ถูกอัปเดต
  • ใน request body ระบุข้อมูลที่ต้องการอัปเดต เช่น
{
  "studentID": "รหัสนักศึกษาใหม่",
  "firstName": "ชื่อใหม่",
  "lastName": "นามสกุลใหม่"
}

ลบข้อมูลนักศึกษาจาก ID

index.js
app.delete("/student/:id", async (req, res) => {
  try {
    const { id } = req.params;
    const student = await Student.findById(id);
 
    if (!student) {
      return res.status(404).json({ error: "Student not found" });
    }
 
    await student.deleteOne();
 
    res.json({ message: "Student deleted successfully" });
  } catch (error) {
    handleServerError(res, error);
  }
});

Endpoint: DELETE /student/:id

  • ลบข้อมูลนักศึกษาจาก ID ที่ระบุใน URL
  • ส่ง HTTP DELETE request ไปยัง /student/:id โดยแทน :id ด้วย ID ของนักศึกษาที่ต้องการลบ
  • ถ้านักศึกษาที่มี ID ที่ระบุถูกพบ แอปพลิเคชันจะลบข้อมูลนักศึกษานั้น

โดยทั้งหมดนี้เป็น API endpoints ที่ใช้ในการจัดการข้อมูลนักศึกษา คุณสามารถใช้ HTTP requests เพื่อสร้าง, อ่าน, อัปเดต, และลบข้อมูลนักศึกษาในฐานข้อมูลของคุณโดยใช้ endpoint ต่าง ๆ ตามต้องการ

Buy Me A Coffee